Monday, September 18, 2006

คุณยาย HT

วันนี้ออกตรวจ OPD(ผู้ป่วยนอก) วันแรกของการขึ้น MED case แรกก็ประทับใจดีนะ เป็นคุณยายอายุ 71 ปี มาพบแพทย์ตามนัด เป็น HT ( hypertension; ความดันโลหิตสูง) เราก็ตรวจตามปกติไป ดูว่าควบคุมความดันได้ดีมั้ย กินยาความดันอยู่กี่ตัว มีอาการผิดปกติอะไรบ้างรึเปล่าซึ่งอาจะเป็นผลจากยา หรือจากตัวโรคเอง แล้วก็ตรวจร่างกาย สักพักคุณยายก็พูดขึ้นมาว่า มาทุกทีไม่เคยตรวจนานขนาดนี้ เราก็ใจเสียเล็กน้อยเพราะว่าเข้าใจว่าหากได้ตรวจกับอาจารย์จริงๆ คงดูความดันถ้าดีก็คงให้ยาเดิมแล้วก็ไปรับยาเลย แต่เราเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่นี่แล้วพอตรวจเสร็จก็ต้อง present case กับอาจารย์ด้วยเลยต้องตรวจดีดีและก็ซักประวัติดีดีก็เกรงใจคุณยายนะ พยายามถามเรื่องโน้นเรื่องนี้ชวนคุยสารพัด กลัวคุณยายคิดว่าเสียเวลา แต่ในที่สุดคุณยายก็เฉลย คุณยายบอกว่าทุกทีนะ หมอพูดไม่กี่คำแล้วก็ให้ยาเดิม ไม่เคยพูดนานๆ ไม่เคยตรวจร่างกายนานอย่างงี้เลย ยายชอบแบบนี้(แบบที่เราตรวจนานๆ) ก็เลยโล่งใจ แต่ในทางกลับกันก็กลับไปคิดว่าถ้าเราจบไปแล้วเราจะทำอย่างงี้กับคนไข้ได้รึเปล่าน๊า เพราะเนื่องด้วยจำกัดของเวลาและปริมาณของคนไข้ คนไข้มีเป็นร้อยแต่มีหมอตรวจอยู่คนเดียว ถ้าคิดว่าออกตรวจช่วงเช้า เก้าโมงถึงเที่ยง รวมสามชั่วโมง คูณ 60 นาที ก็จะเป็น 180 นาที สมมติคนไข้มีร้อยคน(ซึ่งในความเป็นจริงมากกว่านี้แน่นอน) ก็จะตกได้อยู่กับคนไข้ คนละ 1.8 นาที คิดว่ายังไงหล่ะ หากเราตรวจช้าตรวจอย่างละเอียด คนไข้คนนึงก็ปาไปเกือบสิบนาทีเนี่ย ก็กินเวลาคนอื่น คนไข้ที่รออยู่ก็บ่นแล้วสิทีเนี้ย หมอตรวจช้าบ้างหล่ะ หมอมัวทำอะไรอยู่ อันนี้แค่พูดถึงแค่ตรวจ OPD นะ แต่ในชีวิตจริงของแพทย์ไม่ได้มีหน้าที่แค่ตรวจคนไข้นอกนิ ยังมีคนไข้ใน ward คนไข้ฉุกเฉินอีกนะ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย เราเองก็เคยว่าหมอนะ ตอนเด็กๆ เราก็เคยไปหาหมอ รอหมอตั้งนาน ยังบ่นเลยหมอทำไมมาทำงานสายจังเลย เรามาแต่เช้ากว่าจะได้ตรวจอ่ะ เกือบเที่ยงเลย แต่ตอนนี้รู้ซึ้งเลย โดยทั่วไปแล้วหมอจะมาทำงานประมาณ 7-8 โมงเช้าแล้วแต่คนไข้บน ward ก็คือตอนเช้าก็ต้องไป round ward ก่อน เสร็จจากบน ward ก็จะต้องไปออก OPD (ซึ่งก็อาจจะประมาณ 9 โมง---> หมอมาทำงานสายจังเน๊อะ)ระหว่างออกตรวจ OPD หากมีคนไข้ฉุกเฉินก็ต้องออกไปดูก่อน นี่พูดถึงโรงพยาบาลชุมชนทั่วๆ ไป แต่ในบางโรงพยาบาลที่มีจำนวนหมอมากหน่อยก็อาจจะออกตรวจ OPD อย่างเดียว อ๊ะ ยาวไปล่ะ กลับไปที่คุณยายก่อนดีกว่า พอเราคิดว่าคุณยายไม่มีปัญหาอะไรละ ก็เตรียม present อาจารย์ ก็บอกไปว่าคนไข้เป็น HT มาตามนัด แต่ก็โดนอาจารย์สวนกลับมาทันทีว่า "เป็นหมอใหญ่รึยังไงค่ะ" ก็อึ้งไปแป๊บนึง แล้วก็คิดได้ว่า เออ เรายังไม่ใช่หมอนิ ก็คือ เราเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ มี case มาให้เราเรียนก็ต้องศึกษาทั้งหมดว่า ทำไมคนไข้ถึงเป็นโรคความดันโลหิตสูง มีสาเหตุอะไรอย่างอื่นรึเปล่าที่ไม่ได้แก้ไข ที่ทำให้คนไข้มีความดันโลหิตสูงในช่วงสูงอายุเนี่ย อืมมมม ลืมไป อาจารย์ดีมากๆ เลยอ่ะ อย่างน้อยก็ทำให้เราดูคนไข้ได้ดีขึ้น ดูย้อนหลังไปถึงปัญหาที่เค้ามาหาเราจริงๆ ไม่ใช่แค่ดูคนไข้ตอนนี้แล้วรักษาไปตามอาการ โดยที่ความจริงแล้วปัญหาที่แท้จริงอาจจะยังไม่ได้ถูกแก้ไข แล้วก็จะทำให้คนไข้มาหาเราตลอด ไม่หายซะที สรุปคุณยายคนนี้เราก็ซักประวัติตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกทีว่ามีความผิดปกติอะไรรึเปล่าที่เป็นสาเหตุของการทำให้เกิดความดันโลหิตสูงในช่วงอายุมากนี้ ปกติจะถือว่าหากเป็นความดันในช่วงอายุน้อยกว่า 25 ปี(หนังสือบางเล่มเอา 35 ปี) หรือ เป็นในช่วงอายุมากกว่า 55 ปี ถือว่าผิดปกติต้องหาสาเหตุ คือความดันโลหิตสูงในช่วงอายุดังกล่าวอาจมีโรคอื่นซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูงได้ ก็ต้อง work up หาสาเหตุต่อไป นะจ๊ะ สรุปในคุณยายคนนี้จากประวัติและการตรวจร่างกายไม่พบสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง จึงนึกถึงความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นเองอาจจะเกิดจากอายุที่มากขึ้นตามวัย คุณยายก็ได้ยาไปกินเหมือนเดิม แล้วก็นัดมาพบแพทย์อีก 3 เดือน พร้อมกับนัดตรวจเบาหวาน ตรวจการทำงานของไต ตรวจไขมันในเลือด เนื่องจากคนเป็นความดันโลหิตสูงก็มี risk ต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคไต และไขมันในเส้นเลือดสูงได้ นอกจากนี้ยาที่คุณยายกินอยู่ก็มีผลต่อไตได้ ( Moduretic 1/2*1 , Madiplot 1/2*1) คุณยายก็ออกไปรับยาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเนื่องจากชอบที่ได้ตรวจนาน ๆ 5555

1 comment:

Anonymous said...

น่ารักครับ ขอชม
การเขียนนะครับ ไม่ใช่หน้าตา
ผมเป็นคนป่วยที่เจอปัญหานี้บ่อยๆ รอ 5 ชม. เจอหมอ 5 นาที จำได้ว่าตอนนั้นป่วยแบบไม่รู้เป็นอะไร แล้วต้องมารอนานๆ สุขภาพจิตเสื่อมทันตาเห็น
จำได้ว่า ต้องหาวิธีมาหลอกล่อคุณหมอสารพัด ให้ตรวจเรานานหน่อย ก็สนุกดี (ตอนนี้น่ะ แต่ตอนนั้นเครียดปื้ดเลย)
พอดี มาค้นเรื่องความดันโลหิตสูง Google ก็ Link
มาให้ ก็เลยได้มีโอกาศอ่าน
ถามนิดนึงครับ Madiplot 20 Mg *1เม็ด เช้า Overdose (ไม่แน่ใจว่าถูกหรือไม่ ไอ้คำพูดที่เกี่ยวกับยาเกินขนาด ) หรือไม่ คือเดิมหมอให้ 10 Mg แตวันสองวันนี้มีอาการ ขี้เกียจไปหาหมอ เลยกะเพิ่มยาเอง (ทำประจำภายใต้การศึกษาจากแล่งข้อมูล) เป็น 20
ถ้าว่า่ง อีเมล์มาให้หน่อยก็ดีครับ chaiworaporn@gmail.com ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องครับ (พูดทำไม :))

เคารพ
อนิรุทธิ์
ปล.ที่ว่า่ น่ารักครับ ไม่ใช่แค่การเขียนหรอกครับ ่หน้าตาก็ด้วย (ไม่ได้พยายามจีบนะครับ ถึงแม้ผมจะอายุ 38 ยังไม่แต่งงาน หล่อ รวย เท่ เทรนด์เกาหลี แต่..... ผมเป็นเกย์ครับ ฮะฮ่า)