Tuesday, September 19, 2006

อย่านัดบ่อย

วันนี้ออก OPD ตอนเช้าก็เจอเรื่องที่เคยคิดแต่ไม่เคยใตร่ตรอง คือเรื่องมันมีอยู่ว่า มีคุณยายคนนึงเป็นโรค scleroderma หรือในภาษาไทยเรียกว่าโรคหนังแข็ง ก็คือผิวหนังจะมีลักษณะแข็งตึง นึกดูละกันว่าเมื่อผิวหนังของคนเราแข็งไม่ยืดหยุ่นอย่างที่ควรจะเป็น ก็ไม่ต่างกับพวกหุ่นยนต์ ขยับทีก็แทบจะไปทั้งตัว นอกจากนี้ยังมีผลต่อระบบหายใจและหลอดเลือด คือมันแข็งไปหมดทุกที่อ่ะ ก็จะมีหายใจลำบาก อืมม แล้วคนไข้มาหาหมอวันนี้เพราะว่ามาตามนัดเพื่อมาดูผลการรักษาและรับยาต่อ
วันนี้คุณยายก็ดูไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีอาการผิดปกติอะไรนอกจากมีปวดข้อนิ้วมือเป็นบางครั้ง ระหว่างซักประวัติและตรวจร่างกายก็ชวนคุณยายคุย ก็ถามว่า ยายทำงานอะไร ยายก็บอกว่ามัดกระเทียม งงมั้ยอ่ะ ก็คือเมื่อได้กระเทียมเป็นหัวยาวๆ มาก็เอามามัดรวมกัน ก็ถามยายว่า วันนึงทำงานกี่ชั่วโมง ยายก็บอกว่าทำตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงหกโมงเย็น (นานกว่าเราอีก ถ้าไม่นับอยู่เวรนะ) อืมมม แล้วก็ถามยายว่า แล้วได้เงินวันละเท่าไหร่ล่ะ ทายสิ ว่ายายได้เงินค่ามัดกระเทียมวันละเท่าไหร่ แรงงานขั้นต่ำเดี๋ยวนี้ก็คงได้ประมาณวันละ 130 กว่าบาท แต่คุณยายได้วันละ 50-60 บาท คิดดูสิว่าถ้าเป็นเราจะพอกินมั้ยเนี่ย แล้วเราก็ถามยายต่อว่า แล้ววันนี้มาหาหมอยังไง ยายก็บอกว่านั่งรถสี่ล้อมา(รถโดยสารนั่นแหล่ะ) ก็ถามว่าค่ารถมาโรงพยาบาลเนี่ย เท่าไหร่ ยายก็บอกว่า 15 บาท คิดไปกลับก็ 30 บาท ลองคิดต่อมั้ย.... ตอนนี้ยายก็จะเหลือเงิน 30 บาท แล้วก็ถามยายว่าแล้วมาหาหมอเนี่ยใช้สิทธิ์อะไร ยายบอก 30 บาท เพราะฉะนั้นวันนี้ยายต้องจ่ายค่าหมอ 30 บาท รวมมาโรงพยาบาลวันนี้ยายต้องจ่ายเงิน 60 บาท แล้วยายจะเหลือเงินมั้ยหล่ะเนี่ย แต่อย่าลืมนะว่า วันนี้ที่ยายมาหาหมอเนี่ย ยายไม่ได้ทำงานนะจ๊ะ แล้ววันๆ นึงยายไมได้ใช้จ่ายเฉพาะค่ามาหาหมอนิ ยายต้องกิน ไหนจะค่าใช้จ่ายในบ้านอีกล่ะ จับอารมณ์ยายได้เลยว่าอยากให้หมอตรวจเร็วๆ ไปรับยาแล้วจะได้รีบกลับไปทำงานต่อ เพราะนั่นหมายถึงเงินที่ยายจะได้ในวันนี้ ก็เลยพูดหยอกยายไปหน่อยว่า งั้นหมอนัดบ่อยๆ เนี่ยไม่ได้เลยสิ ยายก็ยิ้มแล้วตอบอย่างจริงใจว่า "ใช่"
คนไข้แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แตกต่างกันตั้งแต่เชื้อชาติ เผ่าพันธ์ การเลี้ยงดู การศึกษา สถานะการเงิน เพราะฉะนั้น เราจะคิดว่าคนไข้ทุกคนต้องได้รับการดุแลรักษาเหมือนกันหมดนั้น ไม่ได้แน่นอน บางคนอยากให้หมอตรวจนานๆ จะเสียค่าใช้จ่ายแค่ไหนก็ยอม แต่กับบางคนไม่ใช่อย่างนั้น ชีวิตของเค้ายังมีอะไรที่ต้องทำอีกมาก ยังต้องดิ้นรนสู้ชีวิตต่อไปอีก วันนี้ก็แค่อยากจะเตือนสติตัวเองว่า อยากให้มองคนไข้อย่างองค์รวมจริงๆ อย่าดูเฉพาะตัวโรค ให้ดูคนไข้ทั้งร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ และสังคมของเค้าด้วย เราถึงจะพูดได้ว่าเราได้ดูคนไข้คนนี้อย่างครบถ้วนและเต็มที่แล้วจริงๆ

No comments: